วันที่ 1 เม.ย. 66
(beacon light)(beacon light)ตามวันและเวลาดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพนักงานเซเว่น สาขาXX ว่ามีชายสองคนขับรถยนต์กระบะวนไปมาลักษณะมีพิรุธกำลังตัดสายไฟฟ้าบริเวณสามแยกก่อนถึงหน้าร้าน ต่อมาสายตรวจชุดจับกุมได้มาตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุในบริเวณดังกล่าว ต่อมา ชุดจับกุมจึงได้ ขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจมาถึงบริเวณกลางซอยจรัญสนิทวงศ์ ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจพร้อมขอตรวจสอบและสอบถาม พบนายเอ (นามสมมุติ) และนายบี(นามสมมุติ) โดยทั้งสองรายท่าทางมีพิรุธ กำลังใช้บันได ปีนพาดสายไฟอยู่ใกล้กับบริเวณที่รถยนต์กระบะจอดอยู่ จึงได้สอบถามชายทั้งสองว่ามาจากหน่วยงานหรือทำงานให้กับบริษัทใด แต่ชายทั้งสองไม่สามารถตอบได้ว่ามาจากหน่วยงานใด จึงได้ขอทำการ ตรวจค้น ก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธ์ใจ ต่อผู้ต้องหาทั้งสองจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว โดยอาศัยอำนาจ ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถานเว้นแต่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิดหรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิดตามประมลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 93 ผลจากการตรวจค้นผู้ต้องหาที่หนึ่ง พบโทรศัพท์ยี่ห้อ OPPO สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง บริเวณกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ฝั่งขวา ผลจากการตรวจค้นผู้ต้องหาที่สองพบกรรไกร ตัดสายเคเบิ้ล สีแดง อยู่บริเวณกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย ของผู้ต้องหาคนที่ 2 และพบโทรศัพท์ ยี่ห้อ SAMSUNG สีขาว จำนวน 1 เครื่อง บริเวณกระเป๋ากางเกงด้านขวา และตรวจค้นหลังรถกระบะพบสายเคเบิ้ลซึ่งถูกตัด อยู่หลังกระบะรถยนต์พร้อมกับอุปกรณ์ตัดสายเคเบิ้ล และพบกระเป๋าถือสีดำ ภายในมีกรรไกร สีเหลืองจำนวน 2 อัน และถุงมือหนังสีน้ำตาล จำนวน 1 ข้าง และพบกล่องเครื่องมือ ยี่ห้อ MAKITA สีฟ้า-ดำ และป้ายทะเบียนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน XX จำนวน ๑ แผ่น อยู่ภายในกระบะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สอบถามว่าสายเคเบิ้ลที่อยู่หลังรถกระบะตนเอามาจากที่ใด นายเอ ให้การรับสารภาพว่าพวกตนได้ตัดสายเคเบิ้ลมาจาก บริเวณท้ายซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 ก่อนถึงร้านสะดวกซื้อจริง ซึ่งกรณีดังกล่าว เป็นการตรวจพบบุคคลที่ไม่แทบจะมีความสงสัยเลยว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดมาแล้วสดๆ และพบแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทำความผิดใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเหตุนั้น และมีสิ่งที่ได้มาจากการกระทำความผิดรวมทั้ง มีเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิดอีกทั้งมีเหตุที่จะออกหมายจับแต่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้ จึงจับกุมตัวและแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบในขณะจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลางดังกล่าวข้างต้น ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบว่านายเอ มีหมายจับในคดี “ร่วมกัน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด” ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ 161/2565 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 ได้สอบถามนายเอ แล้วรับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริงและยังไม่เคยถูกดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน จึงได้นำตัวไปดำเนินคดีต่อไป